สำหรับผู้ชายที่ชื่นชอบเรื่องราวแฟชั่นการแต่งตัว การได้รับชมภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นในด้านนี้คงเป็นกิจกรรมที่มีความสุข เพราะนอกจากจะเพลิดเพลินไปกับหลากสไตล์ในเรื่องแล้ว ยังสร้างแรงบันดาลใจให้อยากลุกมาแต่งตัวตามอีกด้วย
อย่างไรก็ตามในบทความนี้เราอยากพานักอ่านทุกคนมาเสพรสชาติที่ต่างออกไป ด้วย “5 สารคดีที่ผู้ชายรักการแต่งตัวต้องดู” ที่ในแง่ความสนุกหวือหวาอาจจะไม่เท่ากับการรับชมภาพยนตร์ แต่ทุกสิ่งที่เห็นในหน้าจอคือเรื่องจริง คุณจะได้เห็นว่ากว่าที่จะกลายเป็นเสื้อผ้าสักชิ้นต้องผ่านกระบวนการใดบ้าง ผู้ผลิตพิถีพิถันกับมันมากแค่ไหน ไปจนถึงเรื่องราวการสร้างตำนานของแบรนด์ชื่อดังระดับโลกต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ผู้ชายรักการแต่งตัวไม่ควรพลาดทั้งสิ้น
Bill Cunningham New York (2010)
“เหมือนว่าเราทุกคนต้องแต่งตัวไปให้ บิลล์ ถ่ายรูป” แอนนา วินทัวร์ บรรณาธิการนิตยสาร Vouge
ต่อให้ไม่ได้หลงใหลในเรื่องราวเมนส์แวร์ แต่ Bill Cunningham New York ก็ยังคงเป็นสารคดีที่ทุกคนสามารถสนุกไปกับมันได้ เพราะนี่คือสารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวของ บิลล์ คันนิ่งแฮม ช่างภาพแฟชั่นระดับตำนาน ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมาหลายสิบปี เรียกได้ว่าเหล่า “แฟชั่นไอคอน” ทั้งหญิงและชาย ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันนับร้อยชีวิตล้วนเคยผ่านฝีเลนส์ของ บิลล์ มาแล้วทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามสารคดีเรื่องนี้ไม่ได้นำพาผู้ชมไปเจาะลึกเรื่องราวการทำงาน หรือเส้นทางการไต่เต้าสู่การเป็นช่างภาพระดับตำนานของ บิลล์ แต่ประเด็นสำคัญที่ตลอดความยาว 84 นาทีของ Bill Cunningham New York เลือกถ่ายทอดออกมาคือ “กิจกรรมยามว่าง”
ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เมื่อไรก็ตามที่ บิลล์ มีเวลาว่างเขาจะสะพายกล้องถ่ายรูป ก่อนจะควบจักรยานคันเก่าคู่ใจ ปั่นตะลอนไปทั่วย่านแมนฮัตตัน มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ตระเวนถ่ายรูปการแต่งตัวของผู้คนที่สัญจรไปมา ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย มีชื่อเสียงหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตราบใดที่ บิลล์ เห็นว่าการแต่งตัวของพวกเขา “น่าสนใจ” ก็ไม่พลาดที่จะบันทึกมันลงแผ่นฟิล์ม
ด้วยเหตุนี้การได้ดูสารคดีเรื่อง Bill Cunningham New York จึงเหมือนกับการได้เรียนรู้ “บันทึกประวัติศาสตร์แฟชั่นชาวนิวยอร์ก” ในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่ละยุคสมัยผู้คนแต่งตัวอย่างไร และมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงอย่างไร คำตอบทั้งหมดถูกบันทึกโดย บิลล์ ไว้แล้ว
นอกจากนั้นอีกหนึ่งความประทับใจที่เรามีต่อ Bill Cunningham New York คือการได้เห็นคนธรรมดาคนหนึ่งมีแพชชั่นกับเรื่องใดมากๆ และก็ลงมือทำมันอย่างมีความสุขต่อเนื่องมายาวนาน…สิ่งนี้ก็ช่วยเติมไฟ สร้างแรงบันดาลใจแก่เราในฐานะผู้ชมไม่น้อย
Paul Smith: Gentlemen Designer (2012)
“เพิ่มความเป็นอังกฤษอย่างสูงที่สุดแก่แฟชั่น” นี่คือวิสัยทัศน์ของ พอล สมิธ แฟชั่นดีไซน์เนอร์ชาวอังกฤษ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Paul Smith ที่เชื่อเหลือเกินว่าผู้ชายที่ชื่นชอบการแต่งตัวคงไม่มีใครไม่รู้จักเขา
ตลอดความยาว 50 นาทีของสารคดี Paul Smith: Gentleman Designer จะพาไปเจาะลึกวิสัยทัศน์ดังกล่าวอย่างละเอียด รวมถึงอีกหลายแง่มุมของผู้ชายที่ชื่อ พอล สมิธ ที่จะทำให้ผู้ชมเข้าใจในตัวตนของเขา ตั้งแต่วิธีคิดในการออกแบบเสื้อผ้า โลกแห่งแฟชั่นแสนวุ่นวายที่ต้องปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยตลอดเวลา การทำตลาดในยุคที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย
ถึงแม้จะประสบความสำเร็จ มีทรัพย์สินรวมมากกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงได้รับพระราชทานยศอัศวิน แต่สารคดีเรื่อง Paul Smith: Gentleman Designer คือสิ่งที่พิสูจน์ว่าแพชชั่นของผู้ชายคนนี้ที่มีต่อเสื้อผ้าไม่ลดลงเลย ทุกวันเขายังคงนั่งทำงานในห้องด้วยความตั้งใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน
กล่าวโดยสรุป Paul Smith: Gentleman Designer คือหมุดหมายที่ใช้เชื่อมต่อโลกแฟชั่นในอดีตกับโลกแฟชั่นแห่งอนาคตของ พอล สมิธ ชายที่ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อสิ่งที่เขารัก
Men of the Cloth (2013)
สำหรับผู้ชายที่ชื่นชอบในชุดสูท Men of the Cloth คือสารคดีที่เหมาะกับคุณอย่างมาก เพราะตลอดความยาว 96 นาที สารคดีเรื่องนี้จะนำผู้ชมเดินทางไปยังประเทศอิตาลี หนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการตัดสูทมากที่สุด พร้อมเจาะลึกในทุกกระบวนการทำงานทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกชิ้นผ้า ไปจนถึงการตัดเย็บขึ้นรูปเป็นชุดสูท ผ่านสายตาของช่างเก่าแกเชื้อสายอิตาลี 3 คน
อีกหนึ่งความน่าสนใจของ Men of the Cloth คือถึงแม้ช่างตัดสูท 3 คนที่เป็นผู้เล่าเรื่องจะเป็นชาวอิตาลี แต่ 2 ใน 3 ก็ได้เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วัยหนุ่ม เพื่อศึกษาหาความรู้ในวิชาตัดเย็บ ไม่ว่าจะเป็นในมหานครนิวยอร์ก หรือเมืองฟิลาเดเฟีย
ด้วยเหตุนี้ผู้ชมจึงจะได้เห็นแนวคิดและวิธีการอันแตกต่างอันมีผลมาจากรากเหง้าวัฒนธรรม แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็บ่งบอกให้รู้ว่าเรื่องของแฟชั่นไม่มีใครดีกว่าใคร แบบไหนดีกว่าแบบไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับรสนิยมเท่านั้น
นอกจากนั้นช่างตัดเย็บทั้ง 3 ยังได้บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของพวกเขาเอง ว่ากว่าที่จะมาถึงจุดนี้ต้องประสบพบเจออะไรบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าด้วยประสบการณ์อันเชี่ยวกราก เกร็ดชีวิตที่กลั่นออกมาบอกเล่าจึงมีความน่าสนใจไม่น้อย ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยอุดมการณ์ที่พวกเขายึดมั่นว่าอยากจะรักษาธรรมเนียมการตัดเย็บเสื้อผ้าแบบโบราณไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
Fresh Dressed (2015)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบัน “สตรีทแฟชั่น” คือเทรนด์การแต่งตัวกระแสหลักและได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก สารคดี Fresh Dressed จึงได้หยิบยกเรื่องราวตรงนี้มาจุดประเด็นตั้งคำถามอย่างน่าสนใจว่า “ก่อนที่จะเดินทางมาถึงตรงนี้ สตรีทแฟชั่นมีที่มาที่ไปอย่างไร?”
สตรีทแฟชั่นกับดนตรีแนวฮิปฮอปคือสิ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ด้วยเหตุนี้ Fresh Dressed จึงเริ่มต้นด้วยการพาผู้ชมย้อนเวลากลับไปตั้งแต่ในทศวรรษ 70 ช่วงเวลาที่ดนตรีฮิปฮอปเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาบนท้องถนนย่านบรองซ์ นครนิวยอร์ก
ความน่าสนใจของ Fresh Dressed คือการที่สารคดีเรื่องนี้มีเหล่าคนดังที่ถือเป็นไอคอนแห่งวงการฮิปฮอปและสตรีแฟชั่นมากมายเช่น Kanye West, Pharrell Williams, A $ AP Rocky และ Nas สลับกันออกมาแสดงทัศนะความคิดเห็นของตัวเอง
นอกจากนั้น Fresh Dressed ยังได้นำนักวิชาการหลากแขนงมาวิเคราะห์และตอบคำถามในประเด็นต่างๆ เช่น เรื่องเพศกับสตรีทแฟชั่น, การเมืองกับสตรีทแฟชั่น, การโชว์ความหรูหราฟู่ฟ่าของชาวฮิปฮอป อีกด้วย
Very Ralph (2019)
คงไม่ต้องมีคำอธิบายให้มากความสำหรับชายที่ชื่อ ราล์ฟ ลิฟชิทซ์ หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในชื่อ ราล์ฟ ลอเรน ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Ralph Lauren เพราะในปัจจุบันเขามีทรัพย์สินรวมมากกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และแบรนด์ที่เขาก่อตั้งก็เพิ่งฉลองครบครึ่งศตวรรษกันไปหมาดๆ ดังนั้นสำหรับแวดวงเสื้อผ้าผู้ชาย ราล์ฟ ลอเรน คือหนึ่งในราชาผู้ทรงอิทธิพลที่สุดก็ว่าได้
สารคดี Very Ralph ได้พาผู้ชมย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยที่ ราล์ฟ ยังคงใช้ห้องนอนร่วมกับพี่ชายตัวเอง ภายใต้บรรยากาศการอยู่อาศัยร่วมกันอย่างแออัดของครอบครัวผู้ลี้ภัยชาวเบลารุส ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมด
จากคนที่แทบไม่มีความรู้ด้านแฟชั่น อีกทั้งยังยากจน ราล์ฟ ทำอย่างไร มีแนวคิดแบบไหน และอะไรคือแรงผลักดันให้สามารถพาตัวเองเดินทางมาไกลได้ขนาดนี้ คำตอบทั้งหมดมีอยู่ใน Very Ralph
นอกจากเรื่องราวชีวิตส่วนตัวแล้ว Very Ralph ยังนำเสนอแง่มุมของการเป็นผู้บริหาร เนื่องจากอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า Ralph Lauren คือแบรนด์เสื้อผ้าเก่าแก่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง แต่ในแง่หนึ่งก็สามารถก้าวตามยุคสมัยได้ทัน โฆษณาแต่ละชิ้นมีความโดดเด่น ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าปราศจากชายที่ชื่อ ราล์ฟ ลอเรน